google-site-verification: googledfabd93cb0022be0.html

วิธีพ่วงแบตเตอรี่ BATTERY JUMP

วิธีต่อพ่วงสายแบตเตอรี่รถยนต์อย่างปลอดภัย

 

 ขั้นตอนง่ายๆในการต่อพ่วงสายแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อติดเครื่องรถยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด

เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์หมดและจำเป็นต่อต่อพ่วงกับรถคันอื่น คุณจะต้องแน่ใจก่อนว่า

 

  • รถยนต์ที่จะต่อพ่วงแบตเตอรรี่อยู่ในระยะที่สายแบตเตอรี่ต่อถึง และรถทั้งคู่จอดในสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่กีดขวางรถคันบนถนน
  • ดับเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคัน (คันที่แบตเตอรี่หมด ยังไงก็ดับอยู่แล้ว 555)
  • ปิดระบบไฟของรถให้หมด เช่น ไฟหน้า ,ไฟกระพริบ ,วิทยุ ,อุปกรณ์ทุกอย่างที่ต่อเข้ากับช่องจ่ายไฟ ของรถยนต์ต้องถอดให้หมด เช่น มือถือที่ชาร์จอยู่ เป็นต้น (การต่อพ่วงแบตเตอรี่ จะทำให้เกิดการเหวี่ยงของกระแสไฟมากกว่า 300 โวล์ต ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ต่างๆที่ต่อกับระบบไฟรถยนต์ ชำรุดได้)
  • ตรวจดูแบตเตอรี่ของรถยนต์ทั้งคู่ว่าขั้วบวกอยู่ด้านไหน ขั้วลบอยู่ด้านไหน และดูสภาพแบตเตอรี่ว่าเป็นอย่างไร ถ้าแบตเตอรี่แตก ห้ามต่อพ่วงแบตเตอรี่อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ และน้ำกรดในแบตเตอรี่ก็อาจกระเด็นเข้าตาคุณได้เช่นกัน
  • ทำความสะอาดขั้วต่อของแบตเตอรี่รถยนต์คันที่แบตหมด ถ้ามีเครื่องมือให้ถอดสายแบตเตอรี่ออกก่อน
  • ตรวจสายต่อพ่วงแบตเตอรี่ โดนส่วนมากสายพ่วงแบตเตอรี่ ขั้วบวกจะเป็นสีแดงหรือสีส้ม ส่วนขั้วลบหรือสายดิน จะเป็นสีดำ

 


ขั้นตอนการต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ 4 ขั้นตอนง่ายๆ

 
ขั้นที่ 1 : ต่อสายขั้วบวกเข้ากับ แบตเตอรี่ขั้วบวก ของรถยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด (สายขั้วบวกจะเป็นสีแดง หรืออย่างในภาพสายไม่ได้เป็นสีแดง แต่ตรงส่วนปลายสายจะเป็นสีแดง)
 
 



ขั้นที่ 2 : นำปลายสายขั้วบวกอีกด้าน ต่อเข้ากับ แบตเตอรี่ขั้วบวกของรถยนต์คันที่แบตเตอรี่ใช้งานได้
 
 
 



ขั้นที่ 3 : นำปลายสายขั้วลบต่อเข้ากับ แบตเตอรี่ขั้วลบของรถยนต์คันที่แบตเตอรี่ใช้งานได้ (สายขั้วลบ จะเป็นสีดำ หรือสีเขียว)
 




ขั้นที่ 4 : ต่อสายแบตเตอรี่ขั้วลบอีกข้าง เข้ากับส่วนของรถยนต์คันที่แบตเตอรี่ใช้งานไม่ได้ โดยต่อเข้ากับส่วนที่แข็ง และไม่ได้ทาสี ซึ่งส่วนมากจะเป็นน็อตของบล็อกเครื่องยนต์ (ถ้าต่อเข้ากับส่วนของรถที่ทาสี ,สกปรก หรือเปื้อนน้ำมัน การต่อพ่วงสายแบตเตอรี่จะไม่ได้ผล) คุณจะต้องหลีกเลี่ยงการต่อสายขั้วลบเส้นนี้ เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วลบโดยตรง เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการระเบิดให้น้อยที่สุด


ทำไมจึงต้องต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ตามขั้นตอนข้างต้น ?
  • การที่เราต่อสายเส้นแรกต่อเข้ากับขั้วบวกของแบตเตอรี่ที่หมดก่อน เพราะถ้าปลายสายที่เหลือไปสัมผัสกับส่วนของรถที่เป็นโลหะ ก็จะไม่เกิดการจุดประกายไฟ หรือเกิดประกายไฟที่น้อยกว่า และขั้นตอนที่เหลือก็เป็นการต่อแบตเตอรี่ที่ให้วงจรไฟสมบูรณ์น้อยที่สุดจน กว่าจะต่อสายกราวด์เส้นสุดท้าย
  • การที่เราไม่ต่อสายแบตเตอรี่ขั้วลบเส้นสุดท้ายเข้ากับแบตเตอรี่โดยตรง ก็เพื่อป้องกันประกายไฟเข้าแบตเตอรี่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระเบิดของแบตเตอรี่ได้ หลายคนไม่ทำตามขั้นตอนนี้ เพราะไม่เชื่อว่าการต่อแบบนี้จะทำให้วงจรไฟสมบูรณ์
  • แบตเตอรี่รถยนต์มีสายกราวด์ต่อเข้ากับแชสซีของรถอยู่แล้ว ดังนั้นการต่อสายพ่วงแบตเตอรี่เส้นสุดท้ายเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะของรถยนต์ ก็เหมือนกับการต่อสายกราวด์ที่ขั้วแบตเตอรี่

 

เริ่มชาร์จแบตเตอรี่

 

ติดเครื่องรถยนต์คันที่แบตเตอรี่มีสภาพดี ( อย่าลืมปิดไฟหน้าของรถ เพื่อให้พลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่ที่หมดได้อย่างเต็มที่ ) รอประมาณหนึ่งนาที จากนั้นให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถคันที่แบตหมด ถ้าคุณต่อสายได้ถูกต้องและแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ได้ชำรุด รถก็จะสามารถติดเครื่องได้ (รถโดยส่วนมากจะติดเครื่องได้ เมื่อแบตเตอรี่มีพลังงาน 12 ถึง 13.6 volts )


การถอดสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
เมื่อรถคันที่แบตหมดสามารถติดเครื่องได้แล้ว , คุณสามารถถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกได้โดยให้ทำตรงข้ามกับการต่อสายแบตเตอรี่ (ระมัดระวัง อย่าให้แคลมป์หนีบของสายแบตเตอรี่ไปสัมผัสกัน:

  1. ถอดสายขั้วลบ (-) ออกจากบล็อกเครื่องยนต์ของรถที่เพิ่งติดเครื่องได้ (คันที่แบตหมด) ขั้นตอนนี้จะเป็นการตัดวงจรไฟ
  2. ถอดสายขั้วลบ(-) จากแบตเตอรี่ของรถที่ให้ต่อพ่วง
  3. ถอดสายแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) จากขั้วบวกของแบตเตอรี่รถที่ให้ต่อพ่วง
  4. ถอดสายขั้วบวก (+) จากแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตหมด

ทดสอบรถคันที่แบตหมดว่าสามารถติดเครื่องด้วยพลังงานจาก แบตเตอรี่ที่เพิ่งชาร์จได้หรือไม่ ด้วยการดับเครื่องลองติดเครื่องใหม่อีกครั้ง หากทำได้แปลว่าขั้นตอนต่างๆเสร็จสมบูรณ์ แต่ถ้าไม่สามารถติดเครื่องได้ ก็แสดงว่าแบตเตอรี่รถยนต์มีปัญหา ให้ทำการชาร์จแบตใหม่อีกครั้ง แล้วหาใครสักคนขับรถตามคุณกลับบ้าน

หมายเหตุ: บทความจาก Thai Safety Work

Visitors: 96,903